Thursday, March 14, 2013
whenreindeertravels : พี่นิ้วกลมบอกว่า Tokyo ไม่มีขา
TOKYO
7วันของการเดินทางไปเมืองที่ขึ้นชื่อว่าแพงที่สุดในโลก แต่น่ารักที่สุดในโลกกำลังเริ่มขึ้นโดยที่พวกเราเกือบทุกคนยังไม่เคยมีใครไปที่นี่มาก่อน มีเพียง"ทราย"น้องสาวของเราคนเดียวที่เคยมาเหยียบเมืองนี้แต่ก็เพียงผิวเผิน
เราจองตั๋วกันตั้งแต่ปีที่แล้วด้วยโปรโมชั่นของ Air Asia ราคาเพียง 12000 เท่านั้น แต่ว่าความโหดร้ายของตั๋วราคาถูกก็คือ เราใช้เวลาเกือบ 1 วันเต็มๆในการเดินทางไปโตเกียวทั้งๆที่จริงๆแล้วเดินทางเพียง 6 ชม ก็ถึง เราไปต่อเครื่องกันที่มาเลเซีย คิดว่าน่าจะเป็น Head ของ Air Asia ที่จากตรงนี้บินไปสู่ทุกเส้นทางที่แอรเอเชียจะบินได้ ลักษณะคล้ายกับมาหมอชิต มีเสียงเรียกขึ้นเครื่องแอรเอชียตลอดเวลา มีเพียง 1 hall ประมาณ 20 gate อยู่ติดกันหมด มาถึงที่นี่ทำให้รู้เลยว่า ดอนเมืองเราก็เจริญมากแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ต้องเดินไปขึ้นเครื่องบิน อย่างกับเดินไปขึ้นรถบัส = =
Tokyo ต่างกับที่เราคิดไว้มาก ในวันแรกๆที่เราเดินทางเรานึกว่ามันจะเป็นเมืองน่ารักๆเหมือนในการ์ตูนทั่วไปแต่สุดท้ายที่เราไปพบคือตึกสูงใหญ่ ทุกอย่างดูเป็นไฟแสงสี เรียกว่าเป็นเมืองอย่างสมบูรณ์ มาเที่ยวครั้งนี้เราพกหนังสือท่องเที่ยวมา 3 เล่มเช่นเคย เล่มแรกบอกว่า เราจะไปเที่ยวที่ไหนแบบทั่วไปอย่างละเอียด เล่มที่ 2 ในย่านทั่วๆไปของเรานั้นมีอะไรอร่อยบ้าง และเล่มสุดท้าย ย่านกุ๊กกิ๊กที่หาไม่ได้ทั่วไป :) -(ข้อคิดที่ได้ทุกๆครั้งจากการแบกหนังสือเที่ยวสามเล่มคือ หนังสือท่องเที่ยวทำไมไม่ใช้กระดาษเบาๆ แล้วก็บางทีอยากให้ฉีกได้เลยว่าไปมาแล้ว 5555 จะได้ไม่ต้องเปิดซ้ำอีก)
เราเริ่มจากการไปแหล่งของนักท่องเที่ยวก่อนเพราะยังไม่มีใครเคยมา เลยต้องเที่ยวตามแบบทัวร์เที่ยวซะก่อน เช่น ย่าน Shinjuku Shibuya Harajuku Asakusa (จาก Asakusa เดินไปโตเกียสกายทรีได้แต่ไกลหน่อยนะค้า) Tokyo sky tree น่าเสียดายที่วันแรกๆอากาศไม่ค่อยเป็นใจจึงทำให้เราขึ้นไปดูเมืองโตเกียวไม่ได้จึงลงไปดู Aquarium แทน ซึ่งเราว่าดีกว่าที่อื่นๆมากเพราะมีตัวประหลาดเต็มเลย :D
พอวันที่สามทุกคนอยากไปดิสนีย ส่วนตัวเราขอแยกไปดูย่านกระจุกระจิกที่เราถนัด เลยตามหนังสือกุ๊กกิ๊กไกด์และตามคำแนะนำของพี่ Mink Thepsawarin Tapienthong ไปที่ต่างๆ ซึ่งบอกได้คำเดียวว่า น่ารักมากกกกกกกก ร้องกรี๊ดเกือบทุกร้านทีเดินเข้า สมแล้วที่เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยของน่ารักจริงๆ แต่ละร้านก็จะของไม่เหมือนกัน ( ชื่อย่าน Kichijoji )
หลังจากนั้นเราก็ไปแหล่งช๊อปปิ้งผ้า เราอยากมีร้านผ้าเป็นของตัวเองมานานแล้ว เคยไปร้านที่ประเทศอังกฤษเป็นโกดังผ้าแต่ทำร้านน่ารักมากๆ รู้สึกว่ามันทำให้คนอยากจะซื้อผ้าไปทำอะไรซักอย่าง การตกแต่งร้านมีผลต่อการจ่ายเงินของลูกค้าจริงๆ :D
ตกเย็นเราก็ไปเดินตามหาร้านของคุณ Yoshitomo Nara ชื่อ A to Z cafe เป็นร้านในฝันของเรามาก เราอยากมีร้านแบบนี้ เป็นร้านที่มี แกลลอรี่อยู่ตรงกลาง แล้วก็ให้คนเข้ามาชมงาน ไปคนเดียวแอบเขิลๆนิดๆแต่ด้วยความหน้าด้านเลยถ่ายมาทุกมุม 5555
วันที่สี่เราห้าคนมุ่งหน่้าไป Hakone เนื่องจากของเยอะมากจึงเอาแต่ของที่จำเป็นไปโดยฝากองไว้กับโรงแรมเก่า แล้วหิ้วแต่กระเป๋าใบเล็กไป เราออกเดินทางด้วยรถ Romance train คือจะนั่งสบายกว่ารถไฟธรรมดาหน่อย แต่พอขึ้นปุปก็หลับอยู่ดีไม่มีใครมองข้างทางเลย 55 โรงแรมที่พักที่ฮาโกเน่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟเลยเดินไปนิดเดียว มี ออนเซนอยู่ด้านบนตึก มีทั้งห้องprivate และห้อง public สวยมากเพราะมองออกไปเป็นวิวภูเขา และป่า นี่เป็นการออนเซนครั้งแรก โดยความที่ฮาโกเน่หนาวมากจึงทำให้การ ออนเซน outdoor เป็นเรื่องที่น่าขนลุกที่สุด เราต้องวิ่งแก้ผ้าและอาบน้ำแล้วรีบกระโดดลงในบ่อให้เร็วที่สุดก่อนเราจะหนาวตาย แต่พอได้ลงไปแช่แล้ว มันสบายและผ่อนคลายจริงๆ ;) A MUST!!!!
HAKONE
ฮาโกเน่เป็นเมืองน่ารัก ดูเป็นเมืองที่คนมาพักผ่อนกันจริงๆ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ ฟูจิ-ฮาโกเน่-อิสึ มีนักท่องเที่ยวเยอะ เป็นภูเขาและป่า มีทะเลสาบ ไปถึงมีใบปลิวบอกทางเป็นภาษาไทยแจก ก็ไปตามทางที่เค้าบอกได้เลย สถานที่สำคัญคือ ทิวสนโบราณ ล่องเรือ ขึ้นกระเช้าไปกินไข่ดำ แล้วก็นั่งรถรางชมวิว หลังจากนั้นเรากลับโรงแรมมาเพลิดเพลินกับอาหารเย็น และการนอนแบบญี่ปุ่นจริงๆ จบวันด้วยความรู้สึกสดชื่น และ ตื่นเช้ามาก็ออกไปเดินขึ้นเขาไปไหว้ศาลเจ้าแล้วก็เดินๆอยู่เราก็เจอ พิพิธภัณฑ์ของเล่น มีของเล่นเต็มเลย ตื่นตาตื่นใจได้หน้ากาก หมีมาด้วย
หลังจากนั้นเราก็นั่งรถไฟกลับมาที่ โตเกียว
วันสุดท้ายที่โตเกียว เป็นวันที่ทุกคนทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำก่อนกลับ น้องเขยเราก็ไปย่านเทคโนโลยี ส่วนเรามีหน้าที่พาพ่อและแม่กลับไปยัง โตเกียวสกายทรีเพื่อจะขึ้นไปดูโตเกียวทั้งเมือง ต่อแถวอยู่สองชั่วโมงเต็มๆ ไม่น่าเชื่อว่าคนจะเยอะมากๆ
Subscribe to:
Posts (Atom)