animal5

Thursday, April 2, 2009

WE R THE CREATOR!!!!

ในที่สุดก็ผ่าน มิดเทอมแรกไปได้ด้วยดี หลังจากการทำงานหนักของทุกคน หน้าแก่ลงไปตามๆกัน ผลงานทุกคนออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ถือว่าทุกคนประสบความสำเร็จในขั้นแรก ก่อนหน้านี้เราอยากจะร้องตะโกนบอกเพื่อนๆเราว่าอย่าเวอรได้ป๊ะ แต่พูดไปเกรงจะผิด คัลเจอรของเค้า ฮ่าาา เพื่อนๆ ทำงานกันเยอะมาก จนเรารู้สึกกดดัน กดดันทุกอย่าง ตั้งแต่เริ่ม เรารู้สึกว่าเราไม่สมควรจะลงคอสนี้ มันดูเหมือนจะสนุกแต่มันก็เป็นแค่เปลือก เปลือกที่เราเห็นว่างานดี น่าสนใจ น่าสนุก แต่จิงๆ เราไม่รู้หรอกว่ามันเหนื่อยและลึกซึ้งกว่าที่เราคิด มาก การเรียนปริญญาโท ในความคิดของเรา เป็นสิ่งที่คน โตแล้วเค้าถึงสมควรจะเรียนกัน โตแล้วของเราหมายความถึงคนที่มีความรับผิดชอบพอ อันนี้เรามองในสายงาน ศิลปะและดีไซน ซึ่งมันแตกต่างกับสาย บิสสิเนส อย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่เริ่มเรียนมา จนถึงตอนนี้ เรามองย้อนดูตัวเองมาตลอด ตอนเริ่ม เรารู้ตัวเองเลยว่าเราไม่มีความรับผิดชอบพอที่จะมายืนอยู่ในจุดนี้ เพราะเราคิดว่า เราทำไมได้ มันยากเกินไป ศัพเทคนิคไรก็ไม่รู้ ผ้าก็ไม่รู้จัก ไม่รู้เรื่อง เข้าเรียนไปก็ไม่เข้าใจ อ่านเองดีกว่า แต่เราก็ไม่ได้ในสิ่งที่เราต้องการอยู่ดี จนกระทั้งเรามากลางๆเทอม ตอนที่เรามองงานของเพื่อนๆและบอกกับตัวเองว่า กูไม่ทันแล้ว มันก็เปรียบกับการวิ่งร้อยเมตรที่เวลาสั้นและรวดเร็วเพื่อนๆบางคน อีกสามก้าวจะถึงเส้นชัย แพ้ชนะห่างกันเพียงเสียววิ ในขณะที่เราเพิ่งเริ่มเดินได้แค่สองก้าว แล้วพยายามจะตะโกนบอกคนข้างหน้าว่ารอฉันด้วย ฉันกำลังเร่งสปีด สุดชีวิต ในช่วงเร่งสปีดนั้นแหละ คือช่วงเวลาที่โหดร้ายที่สุด เราต้องเข้าทำงานหนักทุกวัน วันนึงเกินสิบชั่วโมง กลับบ้านก็ต้องทำถึงตีสองตีสาม ตื่นมาก็ไปมหาลัย เป็นช่วงเวลาที ทำให้อายุเราสั้นขึ้นเยอะ จากผ้าที่ไม่เคยรู้จัก ก็ต้องเอาให้รู้จัก วิธีการต่างๆที่ไม่เคยทำก็ต้องทำให้ได้ ไม่อย่างนั้น เราก็จะไม่มีวันวิ่งตามเค้าทัน และเวลาที่วิ่งตามคนอื่นไม่ทัน คุณจะรู้สึกกดดัน ท้อแท้เบื่อหน่าย และยอมแพ้กันไป นอกจากนั้น พี่เลี้ยงหรือหมายถึง อาจานผู้สอนเค้าก็จะรู้สึกผิดหวัง กับสิ่งที่คุณทำ แต่แน่นอนเค้าจะไม่พูดตรงๆ เพราะเราโตพอที่จะรับรู้ได้ด้วยตัวเอง อันนี้ยังดี พี่เลียงบางคน บางมหาลัย ถ้างานไม่ถึง standard เค้าก็จะชื่นชมคุณว่า งานคุณน่าขยะแขยง ทำออกมาได้ไง หรือบางคนก็จะบอกว่า งานเรามัน โง่มาก ซึ่ง จิงๆแล้ว การเอาเงินมาเสียค่าเรียนให้ฝรั่งมังคุด มันสามารถ เป็นก้อนเงินที่เราจะไปเปิดบริษัทเป็นของตัวเองได้เลยที่เดียว ลองคิดดู หลายๆคนรวมตัวกัน ได้เป็นสิบล้าน ทำอะไรได้อีกตั้งเยอะ ดีกว่ามาโดนฝรั่ง ไซโค หรือ รุมด่า มากกว่าอีก ตอนนี้เราวิ่งมาถึงกลางๆลู่ บางคนวิ่งเข้าเส้นชัยไปแล้ว บางคนโดนเราแซงไปก็มีเยอะ แต่ทั้งหมดทั้งมวล มันเหนื่อยกว่าที่เราคิดเยอะ ที่เราพูดมามันในเชิงของคนเรียนดีไซนนะ เพราะเราไม่รู้ว่า เด็กบริหารเค้าเป็นและเรียนกันยังไง อาจจะง่ายหรือยากต่างกัน แต่อยากให้รู้ว่า ในความคิดของเรา ถ้ามีความรับผิดชอบไม่พอ หรือ ไม่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไรในอนาคต ก็อย่าเอาเวลาและเงินมาเสียให้กับปริญญาที่แค่เอาไปตั้งโชว หรือแค่พูดอวดโชวว่ากูจบ อังกริสมา เพราะว่าเรารู้ว่า สิ่งที่เราได้เป็นแค่เปลือกนอกเ่ทานั้น





มาพูดถึงคอนเซปงานเราบ้างดีกว่า งานเราอย่างที่รู้เป็นเรื่องของการร้อยมาลัย มาลัยของเรา พิเศษ ตรงที่เราเล่าเรื่องราวไปเรื่อยๆในการร้อย ตอนนี้เราอยู่ในช่วงของการหาเทคนิคต่างๆในการที่เราจะเล่าเรื่องราว งานเอ็กซิบิชั่นที่ออกมาจึงเป็นเกี่ยวกับเรื่องเทคนิคมากกว่า ซึ่งตอนนี้เราเรียนรู้เยอะมากเกี่ยวกับเทคนิคเรื่องผ้า แต่เราเชื่อว่ามันก็ยังน้อยเกินไป ไม่สมควรจะเป็นเด็กปริญญาโท เพราะฉะนั้น เราต้องขยันให้มาก กว่านี้อีกล้านเท่า T_T เหนื่อยมากกๆ อยากเอางานคนอื่นมาลงให้ดู ว่าคนที่เค้าวิ่งไปจะถึงเส้นชัยแล้วเป็นยังไง แต่วาเพื่อนๆเค้ากลัวโดนก๊อปกันน่ะนะ